ถ้าไม่โปร่งใส...ยังไงก็สื่อสารไม่ได้

ถ้าไม่โปร่งใส...ยังไงก็สื่อสารไม่ได้

ประเด็นที่คนทำงานด้านการสื่อสารนำมาพูดคุยทั้งในวงเล็ก และวงใหญ่ไม่ขาดปาก คือเรื่องการสื่อสารของรัฐบาลชุดนี้ ปีที่แล้วตอนโควิดระบาดรอบแรก และเริ่มจะปิดประเทศก็ว่าแย่แล้ว มาปีนี้ ระลอก 3 กับการระบาดที่รุนแรงขึ้น บวกกับต้องบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด การสื่อสารของรัฐบาลจึงกลายเป็นเรื่องวิกฤต

มีรุ่นพี่เก่งๆ ค่าตัวแพงๆ ที่ทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ยักษ์ใหญ่ อดรนทนไม่ไหวถึงขั้นขันอาสาตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ถ้ารัฐบาลมาขอให้ช่วยจะทำโดยไม่คิดเงิน

จริงๆท่านเป็นรัฐ จะเลือกคนเก่งขนาดไหนในประเทศนี้ไปช่วยงานท่านด้านการสื่อสารก็ได้ค่ะ จิ้มเอาได้เลย หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ หลายคนคงยินดีไปช่วยชาติ

แต่พอมานึกอีกที กลับคิดว่า การสื่อสารเรื่องวัคซีนให้กับรัฐบาลชุดนี้ (หรืออาจเป็นทุกๆรัฐบาล) กลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะองค์ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผลได้นั้น คือ ความโปร่งใส หรือ Transparency

ข้อมูลที่มีความโปร่งใส ไม่บิดเบือนความจริง ประชาชนสามารถเข้าถึง และพิสูจน์ได้ การบริหารจัดการที่โปร่งใส ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้

คนที่ทำหน้าที่สื่อสารมีความโปร่งใส ทำหน้าที่โดยปราศจากอคติ หรือผลประโยชน์แอบแฝง

เพราะหากขาดซึ่งความโปร่งใส สิ่งที่นักสื่อสารต้องทำคือการต้องสร้างนิทานเรื่องใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้ในการสื่อสาร พอเรื่องที่มันเป็นเท็จ บิดเบือนจากความจริง เวลาจะสื่อสารออกไปมันเลยต้องทำดำให้เป็นขาว ทำผิดให้มันถูก ต้องสร้างชุดข้อมูลที่เป็นเท็จมาประกอบการเล่าเรื่อง และหลายๆเรื่องเป็นเรื่องลูบหน้าปะจมูก พอจะนำเสนอเรื่องนี้ก็จะไปกระทบกับรัฐมนตรีคนนั้น พอจะนำเสนอเรื่องนั้นก็เกรงว่าจะไปกระทบกับนายทุนคนนี้

เรื่องวัคซีน รัฐบาลต้องตอบประชาชนเรื่องเหล่านี้ให้ได้

ท่านมีหลักการในการเลือกวัคซีนมาให้ประชาชนอย่างไร ทำไมต้องเป็นยี่ห้อนี้ ท่านตอบได้ไหม

อาการแพ้วัคซีนที่อาจเกิดขึ้น ท่านต้องไม่หมกเม็ด หากประชาชนแพ้วัคซีน ท่านจะดูแลอย่างไร

วัคซีนเป็นของหายากในขณะนี้ วิธีการกระจายวัคซีนเป็นเรื่องที่ประชาชนอยากรู้มากที่สุด ท่านกระจายวัคซีนอย่างไร ใครได้ก่อน ใครได้หลัง เป็นเรื่องที่รัฐต้องอธิบายให้ได้ ที่สำคัญ stock ของท่านต้องโปร่งใส เพราะประชาชนทั้งประเทศช่วยนับ stock อยู่

บางครั้งก็แอบสงสารคนที่ต้องทำหน้าที่ให้สัมภาษณ์สื่อค่ะ เพราะเวลาคนเราต้องพูดอะไรที่ไม่จริง มันเหนื่อยนะคะ อวัจนภาษา หรือภาษากาย ก็ขัดแย้งกับเรื่องที่ต้องพูด พูดไปก็ไม่กล้าสบตา ยิ่งตอนต้องตอบข้อซักถามด้วยแล้วยิ่งเหนื่อยหนัก เหมือนคนร้ายที่ให้การวกวนเพราะกลัวตำรวจจะจับได้

พอข้อมูลกลับไปกลับมา หมอหลายคนต้องมาเสียผู้ เสียคน เสียคำพูด เพราะต้องคอยอุ้มรัฐบาล

ยิ่งยุคดิจิทัลนี่ยิ่งยากค่ะ ประเทศไทยใช้ social media ติดอันดับต้นๆของโลก โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้ ประชาชนวางตนเป็นนักสืบออนไลน์ ถ้าข้อมูลไม่โปร่งใส ยังไงก็ไม่รอด

อย่าว่าแต่สื่อสารออกไปให้ประชาชนทราบเลยค่ะ สื่อสารกันเองภายในรัฐบาลท่านยังสับสนกันเอง ประกาศ เพื่อแก้ประกาศก่อนหน้านี้ จึงมีให้เห็นเป็นประจำ ถึงขั้นประชาชนตั้งคำถามว่า

“เค้ามีไลน์กลุ่มกันบ้างมั้ย ตกลงกันก่อนดีไหม ก่อนจะออกประกาศให้ประชาชนทราบ”

หมอนวดคนนึงกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด เพราะร้านนวดปิด พอได้ยินประกาศ กทม. ว่าร้านนวดเปิด แกรีบโอนเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องใน กทม. โอนเสร็จกำลังจะก้าวขึ้นรถทัวร์ ศบค. ออกประกาศใหม่บอกว่ายังไม่เปิด ปิดต่ออีก 14 วัน เวรกรรม!!!

เลยมานั่งคิดว่าการสื่อสารเรื่องวัคซีนป้องกันโควิดนี่ ถ้าการบริหารจัดการมันไม่โปร่งใสตั้งแต่แรก ต่อให้เอา “เทวดา” ที่ไหนมา ก็คงทำไม่ได้หรอกค่ะ