top of page
Search

ขุ่นใจ...ในน้ำเสียง

  • contact695457
  • Aug 2, 2022
  • 1 min read

บ่อยครั้งมากค่ะที่เรามักผิดใจกับเพื่อน กับแฟน กับพ่อแม่ กับเจ้านาย กับลูกน้อง กับลูกค้า กับครู กับศิษย์ ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่พูด แต่โกรธกันก็เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่าย คนพูดอาจรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิด เนื้อหาก็ถูกต้องตามนั้น แต่คนฟังกลับรู้สึกว่า “ที่เธอพูดมันไม่ผิดหรอก แต่น้ำเสียงเธอมันไม่ได้หมายความอย่างที่เธอพูด”

ก็เพราะนอกจากเนื้อหาที่พูด ภาษาท่าทาง สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือเรื่องของน้ำเสียง (intonation) หรือการขึ้นเสียงสูงต่ำเวลาพูด

ประโยคเดียวกัน ใช้น้ำเสียงต่างกัน ความหมายก็ต่างกันลิบลับเลยค่ะ ยิ่งทอดปลายเสียงหรือลากคำยิ่งทำให้ความหมายของสิ่งที่พูดเปลี่ยน

ครั้งนึงในการประชุมทาง VDO call มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในที่ประชุม ผู้เข้าประชุม 1 : เรื่องนี้ สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงให้มากคือเรื่องของงบประมาณนะครับ ผู้เข้าประชุม 2 : “เข้าจายยยยย.....ว่าสิ่งที่คุณพูดหมายถึงอะไร เรื่องนี้เรารู้ดีอยู่แล้วนะคะ (ตวัดปลายเสียงสูง)”

น้ำเสียงของ ผู้เข้าประชุม 2 สื่อความหมายได้ว่า “เธอไม่ต้องมาพูดซ้ำหรอก ชั้นรู้เรื่องนี้ดีย่ะ”

น้ำเสียงจึงเป็นตัวถ่ายทอดอารมณ์และทัศนคติของผู้พูดได้อย่างชัดเจนที่สุด ผู้ฟังจะตีความสิ่งที่คุณพูดตามน้ำเสียงมากกว่าคำพูดที่คุณต้องการสื่อสาร

ยิ่งถ้าเป็นการโทรศัพท์คุยกัน หรือการสนทนาผ่าน VDO call (ที่มักไม่ยอมเปิดกล้องกัน) พอไม่เห็นหน้า เสียงเลยกลายเป็นสิ่งเดียวที่อีกฝ่ายจะสัมผัสได้ในการสื่อสาร

ก่อนจะพูดไม่ว่าจะเป็นการสนทนาระหว่างบุคคล การประชุม การพูดหน้ากล้อง หรือบนเวทีที่มีคนฟังมากๆ นอกจากจะต้องเตรียมเนื้อหาในการพูดแล้ว ต้องเตรียมคิดเรื่องความรู้สึกด้วยนะคะว่าต้องการให้การพูดครั้งนี้สื่อความรู้สึกอย่างไรออกไป อยากให้รู้สึกสบายๆ อยากให้ดูเป็นทางการ อยากให้ดูน่ายำเกรง หรืออยากให้ดูเป็นมิตร เพราะน้ำเสียงของผู้พูดเป็นตัวกำหนดความรู้สึกของผู้ฟัง

ยิ่งถ้าเป็นการพูดที่เน้นความรู้สึก นานๆไปเรามักลืมค่ะว่าประโยคที่คนๆนั้นพูด เขาพูดว่าอะไร เช่น มีคนมาบอกรัก หรือแฟนมาบอกเลิก แต่เราจะไม่มีวันลืมความรู้สึกของเราที่มีต่อสิ่งที่เขาพูดหรอกค่ะ สิ่งนั้นจำกันจนวันตายเลยทีเดียว

ree

 
 
 

Comments


bottom of page